Fabric Lamp
โคมไฟผ้า
Wind is something we cannot see, yet we are always aware of its presence—through the movement of leaves, the sound that slips in through a window, or a subtle sensation on the skin. It never seeks attention, but plays a quiet, essential role in maintaining the balance of nature. A gentle force that moves things around us without calling itself forward.
This lamp follows a similar principle. It does not stand apart from its surroundings, nor does it seek to be noticed. Instead, it settles into the atmosphere with quiet ease—unobtrusive, unadorned, and without excess. It becomes part of the space in a calm, understated way, allowing the room to continue speaking in its own rhythm and tone.
Its role is not to transform the atmosphere, but to gently support what is already there. Like a softened voice that loses none of its meaning, the light it gives spreads with quiet gentleness—softening walls and corners that once felt rigid. Shadows once sharp begin to shift and blend, as if the lamp had always been part of the room from the very beginning.
ลมเป็นสิ่งที่เราไม่อาจมองเห็น แต่เรารับรู้ได้เสมอถึงการมีอยู่ของมัน ผ่านการเคลื่อนไหวของใบไม้ เสียงที่เล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่าง หรือความรู้สึกบางอย่างบนผิวกาย มันไม่เคยอยู่ในจุดสนใจ แต่มีบทบาทสำคัญต่อสมดุลของธรรมชาติ เป็นพลังที่ขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ที่ดำรงอยู่รอบตัวเรา
โคมไฟนี้มีหลักคิดคล้ายกัน ที่ไม่ได้แยกตัวออกจากบริบท ไม่ได้เรียกร้องความสนใจ แต่สามารถกลมกลืนเข้ากับบรรยากาศรอบข้างได้อย่างเรียบง่าย โดยไม่รบกวนองค์ประกอบอื่น และไม่เติมสิ่งเกินจำเป็น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อย่างสงบ และเปิดทางให้พื้นที่นั้นๆ ยังคงส่งต่อจังหวะและความรู้สึกในแบบของมันเอง
มันไม่ได้มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศอย่างชัดเจน แต่ช่วยประคองสิ่งต่างๆ ให้ดูนุ่มนวลขึ้น เหมือนเสียงที่เบาลงโดยไม่ลดทอนความหมาย ผ่านแสงที่แผ่กระจายอย่างอ่อนโยน ทำให้ผนังและมุมเฟอร์นิเจอร์ที่เคยดูแข็งกระด้าง กลับดูนิ่งสงบลง เงาที่เคยคมชัดก็กลมกลืนกับสิ่งต่างๆ ราวกับอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ต้น.
This lamp is composed of two main parts—the upper shade and the lower base—both seamlessly wrapped in fabric. Unlike most lamps, which often use solid materials such as wood, metal, or ceramic for the base, this design allows light to pass freely through the entire form, rather than being limited to the top section alone.
With the light diffusing through both upper and lower parts, the lamp becomes less of a visual interruption and more of a quiet continuation of the space. The fabric allows the light to move gently from top to bottom, giving the whole piece a rhythm that echoes the glow it emits.
Inside, an LED bulb can be controlled via a mobile application, allowing precise adjustments to brightness and color temperature. This enables the atmosphere to be tuned with subtlety and care, while preserving the understated simplicity of the lamp’s exterior form.
โคมไฟนี้ประกอบด้วยสองส่วนหลัก คือ โคมด้านบนและขาด้านล่าง ซึ่งทั้งสองส่วนห่อหุ้มด้วยผ้าอย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากโคมไฟทั่วไปที่มักใช้วัสดุทึบ เช่น ไม้ โลหะ หรือเซรามิกสำหรับฐานรองรับ แสงจึงมักถูกจำกัดไว้เฉพาะส่วนบนของตัวโคม
เมื่อแสงจากหลอดไฟสามารถแผ่กระจายผ่านทั้งตัวโคมได้อย่างอิสระ โคมไฟจึงไม่กลายเป็นจุดตัดของบรรยากาศ แต่ค่อยๆ กลืนเข้าไปกับสภาพแวดล้อมรอบข้างอย่างนุ่มนวล แสงที่ลอดผ่านเนื้อผ้าจากด้านบนสู่ด้านล่าง ทำให้โคมทั้งชิ้นดูมีจังหวะเดียวกับแสงที่มันเปล่งออกมา
ภายในใช้หลอดไฟ LED ที่สามารถควบคุมได้ผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ ทั้งในเรื่องความสว่างและอุณหภูมิของแสง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถปรับอารมณ์ของพื้นที่ได้อย่างละเอียดและต่อเนื่องตามความต้องการ โดยไม่ลดทอนความเรียบง่ายของรูปทรงภายนอก
We chose to wrap the entire lamp in natural hemp fabric. This material offers a soft, tactile surface along with a level of transparency that allows light to pass through gently. The result is a warm, comfortable glow—easy on the eyes and well-suited for everyday use.
เราเลือกใช้ผ้าใยกัญชงธรรมชาติในการห่อหุ้มตัวโคมทั้งหมด ผ้าชนิดนี้มีพื้นผิวที่นุ่มเมื่อสัมผัส และมีความโปร่งในระดับที่พอเหมาะ ช่วยให้แสงจากหลอดไฟแทรกผ่านออกมาได้อย่างนุ่มนวล ให้ความสว่างที่สบายตา และเหมาะสมต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
